วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

The Other Boleyn Girl







แอนน์ โบลีน (Anne Boleyn) พระนางทรงเป็นบุตรีของ เซอร์ โธมัส โบลีน กับ เลดี้ เอลิซาเบธ โบลีน และได้เป็นพระมเหสีองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 และเป็นพระราชมารดาของเจ้าฟ้าหญิงอลิซาเบธ (ต่อมาเสด็จขึ้นเถลิงราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1)

พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 กับสมเด็จพระราชินีแอนน์เป็นจุดเริ่มต้นแห่งเรื่องราว พระราชอำนาจหลังพระราชบัลลังก์ฉายเด่นชัดจากสมเด็จพระราชินีพระองค์นี้ ข้าราชการแบ่งฝักฝ่ายเป็นสองพวกคือ "คนของพระราชา" และ "คนของพระราชินี" แม้จนเมื่อท้ายที่สุดแล้วสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 จะทรงมีชัยชนะเหนือพระมเหสี สามารถสำเร็จโทษพระนางได้ ด้วยการกล่าวหาว่าพระนางสมสู่กับพี่ชายแท้ๆ ของพระนางเอง แต่ความแตกร้าวก็ยังคงมีอยู่ไม่รู้จบ พระองค์ถูกกล่าวขานถึงว่า "ราชินีแห่งอังกฤษที่โดดเด่นและสำคัญที่สุดเท่าที่เคยมี"

แอนน์ โบลีนเป็นบุตรีของเซอร์ โธมัส โบลีน กับ เลดี้ เอลิซาเบธ โบลีนแอนน์เกิดราว พ.ศ. 2050 เซอร์โธมัส โบลีนเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษผู้ซึ่งส่งเขาไปทำหน้าที่การทูตระหว่างประเทศ แอนน์ โบลีนมีพี่น้องอยู่ 5 คน เสียชีวิตแต่เล็ก 2คน เชษฐภคินีของแอนน์คือ แมรี โบลีนและพระอนุชาของแอนน์คือ จอร์จ โบลีน

ในเนเธอร์แลนด์
บิดาของแอนน์ โบลีนได้ทำงานทางการทูตอย่างต่อเนื่อง ในยุโรป โธมัส โบลีนเป็นที่นับถือมาก รวมทั้งอาร์คดัสเซสมาร์กาเร็ต แห่งออสเตรียธิดาของสมเด็จพระจักรพรรดิแม็กซิมิเลียนที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์พระนางได้เสด็จไปเนเธอร์แลนด์ใน นามของพระบิดาและพระนางทรงประทับใจในโธมัส โบลีนพระนางเสนอให้แอนน์ โบลีนมาเป็นครอบครัวเดียวกัน แอนน์ โบลีนเป็นที่รักใคร่ เอ็นดูต่ออาร์คดัสเซสมาก กิริยาท่าทางของแอนน์สร้างความประทับใจในเนเธอร์แลนด์ได้มากและนางอยู่ที่ นั่นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2056หลังจากนั้นพระบิดาก็ให้นางไปคอยรับใช้พระขนิษฐภคินีของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8คือแมรี ทิวดอร์ สมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศสในฤดูหนาว พ.ศ. 2057

ในฝรั่งเศส
ในฝรั่งเศสแอนน์ได้เป็นนางสนองโอษฐ์ของพระราชินีแมรี หลังจากนั้นได้เป็นนางสนองโอษฐ์ของโคลดแห่งบริตานี สมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศสพระนางได้เรียนภาษาฝรั่งเศส,การแต่งกาย และศาสนา ปรัชญา แอนน์ โบลีนได้รับความรู้อย่างละเอียด และได้สอนพระขนิษฐาของพระราชาคือพระนางมาร์เกอริตแห่งอองกูแลมแอนน์ได้สนใจด้านกวีและวรรณกรรม การเรียนรู้ในฝรั่งเศสทำให้พระนางได้เป็นนางสนองโอษฐ์ของสมเด็จพระราชินีแคทเธอรีน แห่งอรากอนสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ คนทั่วไปมักพูดถึงความงดงาม มีเสน่ห์ของแอนน์ ประสบการณ์ในฝรั่งเศสทำให้ชื่นชอบในโปรแตสแตนต์ ในปี พ.ศ. 2064นางได้ถูกเรียกกลับไปอังกฤษโดยพระบิดา

ในราชสำนักของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ
แอนน์ได้ถูกเรียกกลับมาเพื่อแต่งงานกับญาติของพระนางคือ เจมส์ บัทเลอร์แต่เจมส์ก็เสียชีวิตเสียก่อน น้องสาวของแอนน์ แมรี โบลีนได้เป็นสตรีรับใช้พระราชา แอนน์ โบลีนได้ถูกส่งเข้าราชสำนักเพื่อรับใช้สมเด็จพระราชินีแคทเธอรีน แห่งอรากอน

การอภิเษกสมรสถือเป็นอันโมฆะ
พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษได้ทรงเบื่อพระนางแคทเทอรีนแห่งอรากอนเนื่องจากโดยเวลานี้พระนาง แคทเทอรีนประสบปัญหาจากการมีบุตร และพระนางแคทเทอรีนนั้นทรงมีพระชนมายุสูงวัยกว่าพระเจ้าเฮนรี

ในปี พ.ศ. 2068 พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษได้ ตกหลุมรักแอนน์ โบลีนนางสนองโอษฐ์ในพระราชินีแคทเทอรีน แห่งอรากอนและพระเจ้าเฮนรีต้องการนาง พระเจ้าเฮนรีเริ่มเชื่อว่าการสมรสครั้งนี้ต้องคำสาปและหาคำยืนยันจากคัมภีร์ ไบเบิล และเอาสาเหตุที่ว่าพระนางแคทเทอรีนเคยอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอาเทอร์แล้วซึ่ง เป็นการผิดบัญญัติแห่งพระเจ้า พระองค์ต้องการหย่ากับพระนางแคทเทอรีน แห่งอรากอนพระองค์ได้ส่งคำร้องไปยังพระสันตปาปา แต่พระสันตปาปาทรงไม่ยินยอม เนื่องจากพระนางแคทเทอรีนทรงเป็นพระปิตุจฉาของสมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตอนนี้พระสันตปาปาได้ถูกครอบงำโดยพระจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 ถ้ายินยอมไปตัวพระสันตปาปาเองอาจไม่ปลอดภัย

พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษได้ตั้งศาสนาคริสต์นิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์โดยมีพระเจ้าเฮนรีที่ 8 เป็นหัวหน้า ซึ่งเป็นนิกายโปรเตสแตนต์นิกายหนึ่ง 1 ปีต่อมาพระนางแคทเทอรีนทรงถูกขับไล่ออกไปจากพระราชวัง ห้องของพระองค์ตกเป็นของแอนน์ โบลีน เมื่ออาร์คบิชอปแห่งแคนเตอเบอรี่ วิลเลียม วอร์แฮมเสด็จทิวงคต อนุศาสนาจารย์ของตระกูลโบลีน โธมัส เครนเมอร์ได้ รับการแต่งตั้งเป็นอาร์คบิชอปต่อมา อาร์คบิชอปแห่งแคนเตอเบอรี่ โธมัส เครนเมอร์ได้ประกาศว่า การอภิเษกสมรสของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 กับพระนางแคทเทอรีน แห่งอรากอนถือเป็นโมฆะ

อภิเษกสมรส
ในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2075แอนน์ โบลีนได้รับการแต่งตั้งเป็นมาชันเนสเพมโบรค และกลายเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์เป็นที่เคารพนับถือ ทั้งๆที่ตำแหน่งเพมโบรคนั้นสำหรับเชื้อพระวงศ์ทิวดอร์เท่านั้น แอนน์ โบลีนได้อภิเษกสมรสแบบลับๆกับพระเจ้าเฮนรี และทรงมีพระประสูติกาลและได้อภิเษกสมรสเป็นครั้งที่ 2 ที่ลอนดอนในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2076 ในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2076โธมัส เครนเมอร์ได้พิพากษาการอภิเษกสมรสของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 กับพระนางแคทเทอรีนแห่งอรากอนเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและต่อมาวันที่ 28 พฤษภาคม ได้ประกาศว่าการสมรสกับแอนน์ โบลีนเป็นอันถูกต้อง

สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ
พระนางแคทเทอรีนต้องสูญเสียตำแหน่งราชินีให้แก่แอนน์ โบลีน พระนางแอนน์ โบลีนได้ทำพิธีสวมมงกุฎราชินีในวันที่1 มิถุนายน พ.ศ. 2076 พระสันตปาปากรุงโรมได้ทำปัพพาชนียกรรมพระเจ้าเฮนรีและโธมัส เครนเมอร์ พระนางแคทเทอรีนต้องถูกขับไล่ไปจากพระราชวังเนื่องจากทรงศรัทธาในโรมัน คาทอลิก นิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์นั้นควบคุมโดยพระเจ้าเฮนรีที่ 8 มิใช่สันตปาปาแห่งโรม พระนางแอนน์ โบลีนนั้นฝักใฝ่นิกายนี้มาก

การกำเนิดของเจ้าหญิงอลิซาเบธ
หลังจากพิธีสวมมงกุฎทรงมีพระประสูติกาลที่พระราชวังกรีนิช ได้ทรงคลอดก่อนกำหนดในวันที่7 กันยายน พ.ศ. 2076พระนางได้ให้กำเนิดพระธิดา พระเจ้าเฮนรีทรงให้พระนามว่า อลิซาเบธ ตามพระนามของพระมารดาของพระเจ้าเฮนรี คือพระนางเอลิซาเบธแห่งยอร์ค

พระธิดานั้นทรงเป็นโปรแตสแตนต์ แต่พระนางทรงหวั่นพระทัยว่าพระธิดาอาจถูกข่มขู่โดยเจ้าหญิงแมรีพระธิดาของพระนางแคทเทอรีนแห่งอรากอนซึ่งเป็นโรมันคาทอลิก พระเจ้าเฮนรีจึงส่งเจ้าหญิงแมรีไปที่อื่นเพื่อให้พระนางแอนน์สบายพระทัย

พระนางแอนน์ทรงมีบ่าวรับใช้จำนวนมากซึ่งมาจากพระนางแคทเทอรีนแห่งอรากอน มีบ่าวรับใช้มากกว่า 250 คน และนางสนองโอษฐ์มากกว่า 60 คน พระนางมักจะจ้างอนุศาสนาจารย์มามาก

การขัดแย้งกับพระเจ้าเฮนรี
ในช่วงแรกชีวิตคู่ก็มีความสุข แต่พอนานๆเข้าความสัมพันธ์เริ่มตึงเครียด พระเจ้าเฮนรีทรงไม่ชอบท่าทางของแอนน์ที่ทำเพื่อตนเองและชอบโต้แย้งกับ พระองค์ หลังจากการล้มเหลวจากการใด้บุตรในปีพ.ศ. 2077 พระเจ้าเฮนรีมองการล้มเหลวจากการให้บุตรชายของแอนน์ซึ่งเป็นการทรยศพระองค์ ในวันคริสต์มาสพระเจ้าเฮนรีได้สนทนากับโธมัส เครนเมอร์ และ โธมัส ครอมเวลล์ในเรื่องการขับไล่พระนางแอนน์ โบลีน และให้พระนางแคทเทอรีน แห่งอรากอนกลับมา

พระนางแอนน์ไม่เกรงกลัวต่ออันตรายใดๆทรงใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย พระนางพยายามยุ่งเกี่ยวทางการเมือง ข้าราชการแบ่งฝักฝ่ายเป็นสองพวกคือ "คนของพระราชา" และ "คนของพระราชินี" และได้มีการสั่งประหารศัตรูของพระนางคือ บิชอปแห่งโรเชสเตอร์,จอห์น ฟริชเชอร์ และ โธมัส มัวร์ ผู้ซึ่งต่อต้านนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์

หายนะและการประหารชีวิต
ในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2079 ข่าวการสวรรคตของพระนางแคทเทอรีนก็ได้ทราบถึงพระกรรณของพระเจ้าเฮนรีและพระ นางแอนน์ ทั้งคู่ได้ทรงฉลองพระองค์สีเหลืองซึ่งเป็นสีที่ไม่เป็นมงคลสำหรับสเปนจัด งานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ หลังจากมีการชันสูตรพระศพของพระนางแคทเทอรีน แห่งอรากอนได้พบว่าพระหฤทัยของพระนางกลายเป็นสีดำ บางคนเชื่อว่าไม่พระเจ้าเฮนรีก็พระนางแอนน์ได้ลอบวางยาพิษพระนางแคทเทอรีน แต่บ้างก็ว่าพระเจ้าเฮนรีทรงเสียพระทัยในการจากไปของพระนางแคทเทอรีนอย่าง มาก

พระนางแอนน์ทรงพระครรภ์อีกครั้ง ในเดือนต่อมาพระเจ้าเฮนรีได้ทรงตกม้าจากการแข่งขันทำให้ทรงบาดเจ็บมาก ดูเหมือนว่าพระองค์อาการหนักมาก เมื่อข่าวล่วงรู้ถึงพระนางแอนน์ ทำให้พระนางตกพระทัยเป็นอันมากจนถึงขนาดทรงแท้งทารกชายในครรภ์ที่มีอายุ เพียง 15 สัปดาห์ เหตุการณ์ครั้งนี้บังเกิดขึ้นในวันฝังพระศพของพระนางแคทเทอรีน แห่งอรากอน วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2079 พระนางแอนน์จึงมีบุตรีคนเดียวที่ดำรงพระชนม์ชีพ คือ เจ้าหญิงเอลิซาเบธ เหตุการ์ณเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อนางเจน เซมัวร์นางสนองโอษฐ์ในพระราชาเข้ามาอยู่ในราชวัง

การคบชู้สู่ชาย การร่วมประเวณีกับผู้ใกล้ชิด และการทรยศ
ในวันสุดท้ายของเดือนเมษายน นักดนตรีชาวเฟลมมิชที่พระนางแอนน์เรียกไปรับใช้ชื่อว่า มาร์ก สเมียตัน ได้ถูกจับกุมและทรมานร่างกาย เพราะได้ถูกตั้งข้อหาว่าคบชู้กับพระราชินีแต่ระหว่างการทรมานเขาได้สารภาพ ผิด ต่อมาชาวต่างชาติ เฮนรี นอร์ริส ได้ถูกจับในเดือนพฤษภาคมแต่เนื่องจากเขาเป็นชนชั้นสูงจึงไม่ถูกทรมาน เขาได้ปฏิเสธและสาบานว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ 2 วันต่อมาเซอร์ฟรานซิส เวสตันได้ถูกจับกุมในข้อกล่าวหาเดียวกัน วิลเลียม แบร์ตันบ่าวรับใช้ของพระเจ้าเฮนรีก็ถูกจับกุมในข้อกล่าวหานี้เช่นกัน สุดท้ายก็มีการจับกุมพระอนุชาของพระนางแอนน์ จอร์จ โบลีนในข้อหาคบชู้กับสายเลือดเดียวกัน

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2079 พระนางแอนน์ได้ถูกจับกุมและส่งไปหอคอยแห่งลอนดอน นักโทษคนอื่นได้รับการปลดปล่อยเหลือแต่พระนางแอนน์และจอร์จ โบลีน 3 วันต่อมาแอนน์ได้ถูกกล่าวหาว่าได้คบชู้สู่ชายกับสายเลือดเดียวกัน และทรงเป็นผู้ทรยศ

เวลาสุดท้าย
หลังจากการตัดสิน จอร์จ โบลีนพระอนุชาได้ถูกประหารในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2079 แอนโทนี คิงส์ตันผู้เป็นยามเฝ้าประตูได้บันทึกไว้ว่า พระนางแอนน์นั้นดูมีความสุขและเตรียมตัวเตรียมใจที่จะได้รับการประหาร พระเจ้าเฮนรีได้ทำตามคำขอของพระนางแอนน์เป็นครั้งสุดท้ายโดยได้จ้างเพรชฆาต จากฝรั่งเศสมา ทำการประหารโดยใช้ดาบตามธรรมเนียมฝรั่งเศส เนื่องจากพระนางแอนน์กลัวการประหารด้วยขวานทื่อๆตามธรรมเนียมอังกฤษ ในเช้าของวันที่ 19 ทหารได้มาเชิญพระนางเข้ารับการประหาร แอนโทนี คิงส์ตันได้เขียนบันทึกเป็นภาษาอังกฤษว่า The This morning she sent for me, that I might be with her at such time as she received the good Lord, to the intent I should hear her speak as touching her innocency always to be clear. And in the writing of this she sent for me, and at my coming she said, 'Mr. Kingston, I hear I shall not die afore noon, and I am very sorry therefore, for I thought to be dead by this time and past my pain.' I told her it should be no pain, it was so little. And then she said, 'I heard say the executioner was very good, and I have a little neck,' and then put her hands about it, laughing heartily.

พระนางแอนน์ได้ทรงฉลองพระองค์สีแดง พระเกศารวบด้วยผ้าลินินสีขาวซึ่งเป็นธรรมเนียมฝรั่งเศส พระนางทรงมีนางสนองโอษฐ์ 4 คนเดินตามจนถึงแท่นประหาร พระนางได้ทรงกล่าวประโยคสั้นๆก่อนถูกประหารว่า Good Christian people, I am come hither to die, for according to the law, and by the law I am judged to die, and therefore I will speak nothing against it. I am come hither to accuse no man, nor to speak anything of that, whereof I am accused and condemned to die, but I pray God save the king and send him long to reign over you, for a gentler nor a more merciful prince was there never: and to me he was ever a good, a gentle and sovereign lord. And if any person will meddle of my cause, I require them to judge the best. And thus I take my leave of the world and of you all, and I heartily desire you all to pray for me. O Lord have mercy on me, to God I commend my soul

การสวรรคตและการฝังพระศพ
พระนางแอนน์รู้สึกดีขึ้นกับการประหารในแบบฝรั่งเศส พระนางได้สวดครั้งสุดท้ายว่า "แด่พระเยซูคริสต์ ข้ายินดีที่จะมอบวิญญาณของข้า องค์เยซูโปรดรับวิญญาณข้า" นางสนองโอษฐ์ได้นำผ้ามาปิดพระเนตรของพระนาง เพชรฆาตนั้นตื่นเต้นและพบว่าการประหารครั้งนี้สำเร็จยากเนื่องจากพระศอของ พระนางนั้นสั้น ในคำสั่งที่ทำให้พระนางสับสน เพชรฆาตได้ตะโกนเสียนดังว่า"ดาบข้าอยู่ไหน" และได้ทำการบั่นพระเศียรของพระนางโดยที่พระนางไม่รู้ตัวว่าดาบมาเมื่อไร การประหารนี้เป็นการประหารอย่างรวดเร็วและเป็นการประหารเพียงชั่วครู่เดียว อเล็กซานเดอร์ อารส์ และโธมัส เครนเมอร์ได้เดินอยู่ในสวนของพระราชวังเลมเบิร์ธ เมื่อทั้ง 2 ได้ยินเสียงปืนใหญ่ยิงขึ้นจากหอคอยแห่งลอนดอนซึ่งเป็นสัญญาณในการสวรรคตของ แอนน์ โบลีน อาร์คบิชอปได้มองและพูดขึ้นว่า"พระนางผู้ซึ่งเป็นราชินีแห่งพื้นแผ่นดิน วันนี้ได้กลายเป็นราชินีแห่งสรวงสวรรค์" เขาได้นั่งลงบนม้านั้งและร้องไห้

พระเจ้าเฮนรีไม่สามารถหาโลงพระศพที่ดีเยี่ยมให้แอนน์ โบลีนได้ ดังนั้นจึงต้องนำร่างและพระเศียรของพระนางใส่หีบ และฝังโดยมิได้สวมหน้ากากให้ ฝังไว้ในห้องสวดมนต์ของโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ แอด วินคิวลา ร่างของพระนางได้มีการระบุชื่อในระหว่างการปฏิสังขรณ์โบสถ์ในสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร และได้มีการสวมหน้ากากให้พระศพของพระนาง

ดวงพระวิญญาณของพระนางแอนน์โบลีน
กล่าวกันว่าหลังจากที่พระเจ้าเฮนรีที่ 8 ประหารชีวิตพระนางแอนน์ โบลีน ด้วยการตัดพระเศียร (ทรงจ้างเพชรฆาตมือหนึ่งและดาบที่คมที่สุดจากฝรั่งเศสตามคำขอของพระนางแอนน์ โบลีน ซึ่งโดยปรกติแล้วการประหารชีวิตในอังกฤษจะใช้ขวานทื่อๆในการตัดคอ) แล้วที่Tower Green ดวงวิญญาณของพระนางก็ยังคงสิงสถิตอยู่ที่นั่น กล่าวคือ มีทหารยามพบเป็นสตรีสวมผ้าคลุมศีรษะออกมาเดินเล่นริมระเบียงที่ถูกปิดตาย เพียงแต่สตรีผู้นั้นได้ถือศีรษะของตนออกมาเล่นด้วย ไม่ก็พระนางจะลากโซ่ตรวนในห้องประหารแล้วกรีดร้องเสียงดัง และเห็นพระนางแอนน์ โบลีน นำทหารในสมัยนั้นและเลดี้หรือสตรีระดับสูงเข้ามาในโบสถ์ที่หอคอยแห่งลอนดอน จนเงาพวกนั้นค่อย ๆ หายไป แล้วปล่อยให้โบสถ์นั้นเงียบสงัดไปดื้อ ๆ เป็นต้น จนบัดนี้เหตุการณ์แปลกๆที่ว่านี้ก็ยังมีให้เห็นทุกคืน
 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอเล่าเองบ้าง


เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันฉาวโฉ่แห่งราชวงษ์อังกิด แฟนประวัติศาสตร์อังกิด(อย่างเรา)คงไม่พลาดอย่างแน่นอน เรื่องนี้อีกเช่นเคย เข้าโรงโคตรช้า เราไปหาแผ่นแบบสมบูรณ์มาดูได้ก่อนอีกตามเคย(เรื่อ 21ด้วย) เรื่องนี้ค่อนข้างเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้านครอบครัว Boleyn เนื่องจากเป็นตระกูลขุนนาง ต้องทำทุกอย่างเพื่อยกระดับครอบครัว ด้วยการส่งลูกสาวไปแต่งงานกับคิงเฮนรีที่ 8(มั้ง) ซึ่งถ้าใครอ่านประวัติศาสตร์แล้วจะรู้ว่ามีเมียเยอะขนาดไหน ไม่ใช่เมียเก็บธรรมดาซะด้วย อาขึ้นเป็นราชนีได้ถึง 8 คน โดยถ้าจะเขี่ยทิ้งก็ใส่ความต่างๆแล้วก็นำไปประหาร และไม่ให้เอาไปฝั่งกับสุสานราชวงษ์ซะด้วย(พูดแล้วก็เจ็บใจแทน) ด้วยความที่คิงของเรานั้น อยากได้ลูกชายม๊ากมาก แต่ราชนีองค์แรกไม่สามารถมีให้ได้ซักที จึงต้องทรงมีเมียน้อยมาปั้มลูกชาย คนแรกเอาแมรี่(น้องสาว สกาเรต)ซึ่งแต่งงานแล้วด้วยนะ เอามาเป็นเมียละก็ตั้งท้องสมใจ ขณะเดียวกันกันแอน(คนพี่ นาตาลี) ซึ่งเคยโดนปัดความสัมพันธ์เนื่องจากเป็นคนค่อนข้างแข็งกระด้าง เนื่องจากความเสียใจจึงไปเรียนวิทยายุทธิจากฝรั่งเศสมา เทอกลับมาพร้อมแย่งชิงทุกอย่างไปจากน้องสาว

คิงของเราหลงแอนแบบหัวปักหัวปำ แบบชี้ควายเป็นแพนด้า ชี้ม้าเป็นเป็ดไปได้ จึงเกิดการปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตรอย่างใหญ่หลวง คือ เปลี่ยนนิกายศาสนาจากโรมัน เป็น โปแตสแต้น เพื่อที่จะหย่ากับเมียคนที่ 1 ได้โดยไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสันตะปาปา เมื่อแมรีคลอดลูกซึ่งได้ลูกชายด้วยนะ คิงยังไม่สนใจเลย แอนจึงจัดการเนรเทศน้องสาวตัวเองออกนอกวังไปเลย แรงได้ใจจิงๆ ต่อมาแอนของเราก็ท้องบ้างหลังจากได้บัลลังราชนีมาครองและเป็นที่รังเกียดของ คนทั้งประเทศ (เพราะราชนีองค์ก่อนเป็นคนดีมาก แถมเป็นเชื้อสายกษัตริย์โดยตรง) คลอดออกมาได้ลูกสาว(ควีนอลิซซาเบตที่1 Queen of Virgin) ซึ่งเกือบทำให้เทอตกจากบัลลังเลยทีเดียว แต่ก็ยังพอครองไว้ได้ต่อ เนื่องจากตั้งครรภ์อีกครั้ง แต่ก็แท้ง แอนจึงคิดจะทำให้ท้องอีกครั้งโดยการมีอะไรๆกับน้องชายของตนเอง แต่ก็ไม่ได้ทำ เพราะทำไม่ได้ แต่ก็มีคนเห็นตอนเกือบจะทำนั่นแหละ เลยจัดการฟ้องคิงซะเลย(ผู้หญิงคนที่เห้นต่อมาได้ขึ้นเป็นควีนต้อจากแอน ละก็ตายแบบแอนเลย สมน้ำหน้า) คิงคิดจะเขี่ยทิ้งอยู่แล้วก็เลยจัดการประหารซะเลย (เค้าว่ากันว่าผีแอนเนี๋ยโคตรเฮี้ยนเลยล่ะ)

คิงของเรามีเมีย(ราชนี)ไป 8 คน โดยได้ลูกชายคนเดียวจากแมรี่ แต่เทอก็ไม่เคยเรียกร้องหรือทวงสิทธิในบรรลังของลูกชายเลย เทอกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมกับสามีของเทอพร้อมกับรับอลิซซาเบต(แอนตั้งชื่อลูก ตามชื่อแม่ของเทอ) พอสิ้นรัชกาลของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แมรี่ ลูกสาวคนแรกกับราชนีองค์แรกก็ขึ้นครองราชย์ (แต่ถ้าใครเคยอานประวัติศาสตร์จะรู้ว่าก่อนที่ควีนแมรี่จะขึ้นครองราชนั้น มีการดันให้หญิงสาวอีกคนขึ้นแทน ซึ่งก็มีสิทธิตามนั้น อายุแค่ 15 มั้งถ้าจำไม่ผิด เป็นควีนได้ 9 วันก็โดน แมรี่จับประหาร ตายเพราะพ่อแท้ๆเลย น่าสงสาร) หลังจากควีนแมรี่แล้ว คนที่ขึ้นครองราชย์ต่อ คือ ควีน อลิซซาเบต ที่ 1 นั่นเอง ไปติดตามเรื่อง Elizabeth ทั้ง 2 ภาคต่อได้เลยจ้า ....เรื่องนี้พูดยาวนิดนึงเนื่องจากพอมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์อยู่บ้าง ก็เลยสอดแทรกความรู้เยอะไปหน่อยจ้า

ข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org/wiki/Anne_Boleyn

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น