เมื่อเทียบกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ไทย สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 ทรงครองราชย์ในเวลาเดียวกันกับระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิและสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในสมัยกรุงศรีอยุธยา
สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 ประสูติที่พระราชวังกรีนิช ทรงเป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 กับสมเด็จพระราชินีแอนน์ โบลีน พระมเหสีพระองค์ที่ 2 ซึ่งถูกประหารชีวิตโดยการบั่นพระเศียรเมื่อสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 พระชนมายุได้เพียงแค่ 3 พรรษา เมื่อพระบิดาอภิเษกสมรสครั้งที่ 3 กับสมเด็จพระราชินีเจน ซีมัวร์ ใน พ.ศ. 2079 พระองค์และเจ้าฟ้าหญิงแมรี พระพี่นางต่างพระมารดาถูก ประกาศว่าเป็นบุตรีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยรัฐสภาเนื่องจากการเอนเอียงมาทาง พระราชโอรสของพระนางเจน (ซึ่งต่อมาได้เสด็จขึ้นเถลิงราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 แห่งอังกฤษ)
สมัยยังทรงพระเยาว์
ชีวิตในวัยเด็กของพระองค์ยากลำบากมากและล่อแหลมเต็มไปด้วยอันตราย ต้องทนทุกข์ระทมจากการถูกประหารชีวิตของพระมารดา และการไม่สนิทสนมกับพระราชบิดา แต่พระองค์ก็ได้รับการศึกษาเป็นอย่างดียิ่ง และได้รับการเลี้ยงดูท่ามกลางศรัทธาในนิกายโปรแตสแตนท์ ในระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 แห่งอังกฤษ (พ.ศ. 2090-2096)แม้ว่าเอลิซาเบทจะเล็กเกินกว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการขาดแม่ แต่ชีวิตของเธอนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากอีกครั้งเมื่อพระเจ้าเฮนรี่ที่ แปด ได้ประกาศเพิกถอนการสมรสกับ แอน โบลีน ซึ่งทำให้เอลิซาเบทกลายเป็นลูกนอกสมรสไปในชั่วพริบตา ด้วยอายุเพียงสามขวบ เอลิซาเบทถึงกับเอ่ยปากถามพระพี่เลี้ยงว่า "เป็นไปได้อย่างไร เมื่อวานนี้ เจ้ายังขานนามข้าว่า เจ้าหญิง แต่วันนี้ ข้าเป็นเพียง เลดี้ เอลิซาเบท" เมื่อเฮนรี่สมรสใหม่กับแม่นางเจน ซีมัวร์ นั้น พระองค์ก็มิได้ใส่ใจกับเอลิซาเบทอีกต่อไป ถึงขนาดที่พระพี่เลี้ยงต้องส่ง หนังสือถึงเฮนรี่เพื่อขอให้จัดหาเสื้อผ้าใหม่ให้แก่เอลิซาเบท เพราะเหตุว่า เธอโตเกินกว่าที่จะสวมใส่เสื้อผ้าเก่านั้นได้ต่อไปอีกแล้ว
เมื่อเจน ซีมัวร์เสียชีวิตหลังจากที่ได้ให้กำเนิดแก่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พี่น้องต่างมารดาทั้งสามก็ถูกนำมาเลี้ยงดูร่วมกัน แต่เพราะแมรี่นั้น อายุห่างจากน้องทั้งสองมาก อีกทั้งยังต่างศาสนา เอลิซาเบทจึงใกล้ชิด กับเอ็ดเวิร์ดมากกว่า ทั้งสองได้รับการศึกษาอย่างดีเลิศ เรียนรู้ภาษาลาติน กรีก สเปน และฝรั่งเศส รวมทั้ง ประวัติศาสตร์ ปรัชญา และคณิตศาสตร์
ชีวิตยามเยาว์วัยของเอลิซาเบทได้สัมผัสกับความสุขบ้าง เมื่อเฮนรี่สมรส กับแคทเธอรีน ฮาวเวิร์ด ซึ่งเป็นญาติกับแอน โบลีน แคทเธอรีนดูแล ให้ความรักแก่เจ้าหญิงองค์น้อยๆ นี้เป็นอย่างดี ยกย่องเธอให้สมกับตำแหน่งเจ้าหญิง แต่ความสุขความอบอุ่นก็มาเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ และจบลงเมื่อแคทเธอรีนต้องโทษประหารชีวิตอีกคน เอลิซาเบทตกอยู่ ในสภาพที่สับสนทางจิตใจมาก เมื่อเห็นผู้หญิงที่เธอรักสองคนต้องตายตก ไปตามกัน เพราะผู้ชายคนเดียวกัน ถึงขนาดที่เธอเอ่ยปากกล่าวกับ โรเบิร์ต ดัดเลย์ เพื่อนเล่นเมื่อครั้งยังเยาว์ จนเติบโตมาเป็นเพื่อนใจในยามหนุ่มสาวว่า ในชีวิตนี้ เธอจะไม่แต่งงานกับใครทั้งสิ้น
แม้ว่าราชินีองค์ที่หกแห่งพระเจ้าเฮนรี่ที่แปด - แคทเธอรีน พารร์ จะพยายามสร้างบรรยากาศให้เป็นเสมือนครอบครัวที่อบอุ่นเพียงใด แต่ใน ความสงบนั้น เอลิซาเบทไม่ได้มีความสุขสักเท่าใด ในขณะที่ แคทเธอรีน พยายามจะเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกให้ดีขึ้น เอลิซาเบทก็พยายาม ตัดรอนตอบโต้พ่อถึงขนาดว่า เธอถูกสั่งให้ออกไปพ้นเขตวัง แคทเธอรีน ต้องเป็นผู้ไกล่เกลี่ย เป็นกาวใจให้สองพ่อลูก และขออนุญาตให้เอลิซาเบท ได้กลับเข้ามาอยู่ในวังตามเดิม ความสัมพันธ์ของเฮนรี่และเอลิซาเบทเป็น ดังราวคนแปลกหน้าสองคน มากกว่าที่จะเป็นพ่อลูกจวบจนพระเจ้าเฮนรี่ ที่แปดได้สิ้นพระชนม์ในวันที่ 28 มกราคม 1547 ในขณะที่เอลิซาเบทอายุ สิบสาม และเอ็ดเวิร์ดได้กลายเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษเมื่ออายุได้สิบปี
เมื่อพระองค์มีพระชนมายุ 16 พรรษา ลอร์ดทอมัส ซีมัวร์ ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพเรือได้วางแผนพยายามขออภิเษกสมรสด้วยเพื่อใช้ พระองค์เป็นเครื่องมือหาทางล้มล้างรัฐบาล แต่ทรงหลบเลี่ยงได้อย่างนุ่มนวลและลอร์ดซีมัวร์ก็ได้ถูกประหารชีวิตในความ ผิดฐานกบฏ ระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ (พ.ศ. 2096-2101) การแสดงตนเป็นโปรแตสแตนท์ของพระองค์ทำให้สมเด็จพระราชินีแมรี พระเชษฐภคินีซึ่งเป็นโรมันคาทอลิก รู้สึกหวั่นไหว พระนางเอลิซาเบธจึงทรงถูกจองจำไว้ที่หอคอยแห่งลอนดอน
การเสด็จขึ้นครองราชย์และการเริ่มมีความขัดแย้งทางศาสนา
การขึ้นเสวยราชย์ของพระองค์เมื่อ พ.ศ. 2101 อันเนื่องมาจากการสวรรคตของพระราชินีแมรีที่ 1 ได้รับการแซ่ซ้องและยอมรับเป็นอย่างมากจากผู้คนที่หวังจะได้มีเสรีภาพทาง ศาสนามากขึ้นหลังจากที่ได้ถูกกดขี่มาโดยตลอดในรัชกาลก่อนๆ ภายใต้การนำอย่างแข็งขันของเซอร์วิลเลียม เซซิล ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ (ต่อมาเลื่อนเป็นลอร์ดเบอร์กเลย์) กฎหมายสนับสนุนคาทอลิกของพระนางแมรีที่ 1 ได้ถูกยกเลิกและนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ ก็ได้รับการสถาปนาขึ้น (ระหว่าง พ.ศ. 2102-2106) นอกจากนี้ เซอร์เซซิลยังได้ให้การสนับสนุนการปฏิรูปสกอตแลนด์ ซึ่งทำให้พระราชินีแมรีแห่งสกอตแลนด์กลับคืนบัลลังก์ได้อีกในปี พ.ศ. 2104 ยังผลให้เกิดความขัดแย้งกันขึ้นกับพวกลัทธิแคลวิน โดยจอห์น นอกซ์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งนิกายโปรแตสแตนท์ ซึ่งได้จับพระนางจองจำและบังคับให้สละราชบัลลังก์ในปี พ.ศ. 2110 ทำให้พระองค์ต้องหลบหนีไปประทับในอังกฤษแต่ก็ถูกจับกักบริเวณอีก ซึ่งต่อมาเหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นจุดสนใจและเป็นศูนย์รวมชาวคาทอลิกที่รวม ตัวกันต่อต้านนิกายโปรแตสแตนท์ ในปี พ.ศ. 2113 ได้มีการประกาศให้พวกคาทอลิกเลิกนับถือสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธเป็น ราชินี ซึ่งรัฐบาลเริ่มแก้เผ็ดชาวคาทอลิกอังกฤษด้วยการจำกัดสิทธิ์บางอย่างและค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นขึ้นถึงขั้นปราบปรามในช่วงปี พ.ศ. 2123-2133
ข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org/wiki/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น