Frank WilliamAbagnale Jr. (1948 - )
แฟรงค์ วิลเลี่ยม อแบกเนล จูเนียร์ เกิดที่นิวยอร์คเมื่อวันที่ 27 เมษายน 1948 เมื่ออายุ 16 พ่อแม่ของเขาหย่าจากกัน แฟรงค์จึงหนีออกจากบ้าน และนี่ก็คือก้าวแรกของชีวิตนักต้มตุ๋นของเขา
ในมือแฟรงค์มีเพียงเงิน 200 ดอลล่าร์ที่ได้จากพ่อ เขาเซ็นเช็คไม่อั้นจนเช็คเด้งไปหลายครั้ง ทำให้ตำรวจหันมาจับตามองและแฟรงค์ก็ไม่สามารถอยู่ในนิวยอร์คได้ต่อไป เพื่อก้าวข้ามคลื่นชีวิตลูกแรกนี้ แฟรงค์เล็งเป้าไปยังอาชีพนักบิน เขามีความคิดว่าถ้าเป็นนักบินก็จะสามารถบินไปทั่วโลกได้โดยไม่มีใครสงสัย
แฟรงค์ เริ่มแผนด้วยการโทรไปยังแพนแอมซึ่งเป็นสายการบินอเมริกาที่ใหญ่ที่สุด เขาหลอกว่าตัวเองเป็นนักบินของบริษัทและเครื่องแบบนักบินของเขาหายไปกับแผนก ซักรีดของโรงแรมเสียแล้ว แผนนี้ได้ผล บริษัทแพนแอมติดต่อไปยังผู้รับผิดชอบเรื่องเครื่องแบบ และเมื่อแฟรงค์ไปแสดงตัว เขาก็ได้เครื่องแบบที่มีขนาดพอดีตัวมาโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว
แต่เรื่องก็ไม่ได้ราบรื่นไปทั้งหมด เครื่องแบบและหมวกที่ได้มานั้นไม่มีเข็มเครื่องหมายของแพนแอมอยู่ เมื่อสอบถามดูก็ได้เรื่องว่าเข็มดังกล่าวมีขายอยู่ในสหกรณ์ของแพนแอม และการจะซื้อของที่สหกรณ์ดังกล่าวก็จำเป็นต้องมีบัตรประจำตัวของบริษัท
แฟรงค์ แก้ปัญหานี้ด้วยการอ้างตัวว่าเป็นตัวแทนจากบริษัทการบินต่างประเทศและติดต่อ ไปยังโรงพิมพ์ซึ่งจัดพิมพ์สิ่งพิมพ์ต่างๆให้แพนแอม เขาได้ตัวอย่างบัตรประจำตัวมาอย่างง่ายดาย จากนั้นก็ใช้สติกเกอร์ของโมเดลเครื่องบินแปะแทนเครื่องหมายบริษัท และพิมพ์รายละเอียดอื่นๆด้วยเครื่องพิมพ์ดีด
สังคมของนักบินมีความเป็นปึกแผ่นต่อพวกเดียวกันไม่ว่าจะอยู่ บริษัทไหน ทำให้แฟรงค์สามารถแทรกตัวไปเป็นส่วนหนึ่งกลุ่มนักบินได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าบ่อยครั้งที่เขามีการปล่อยไก่ในบทสนทนาบ้าง แต่อาศัยในความช่างสังเกตุและอยากรู้อยากเห็น แฟรงค์ค่อยๆสั่งสมความรู้ของนักบินมาทีละเล็กละน้อยด้วยวิธีต่างๆนานา
ใน ไม่ช้า แฟรงค์ก็เรียนรู้ว่าผู้ช่วยนักบินหน้าใหม่จะไม่ถูกจับตาสงสัย และประกอบกับว่า สายการบินต่างๆมีการตกลงกันให้สามารถส่งตัวนักบินผ่านเครื่องบินของสายการ บินอื่นในฐานะผู้ช่วยนักบินโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แฟรงค์จึงใช้สิทธิ์พิเศษนี้ขึ้นเครื่องบินฟรี นอกจากนี้ สิทธิ์พิเศษอีกอย่างที่แฟรงค์นำมาใช้คือเรื่องเช็ค แม้ว่าแฟรงค์จะไม่สามารถเบิกเช็คได้ในนิวยอร์คแล้ว แต่เคานเตอร์ของสายการบินก็พร้อมจะรับเบิกเช็คของนักบินได้เสมอ ยังมีโรงแรมตามที่ต่างๆ มักจะรับเช็คมาอย่างง่ายดายเพียงเมื่อแฟรงค์ปรากฏตัวในเครื่องแบบนักบิน
แฟรงค์ปลอมเช็คเงินเดือนของแพนแอมขึ้นโดยใช้สติ๊กเกอร์ที่ ได้จากโมเดลเครื่องบินเช่นกัน ยิ่งทำ วิธีของเขาก็เพิ่มความซับซ้อนพิถีพิถันขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากในช่วงปี 1960 นั้น ธนาคารยังไม่มีระบบออนไลน์ เมื่อเขาใช้เช็คในชิคาโก้โดยที่มีบัญชีอยู่ที่ลอสแองเจลิส กว่าเช็คจะถูกตีกลับมาก็ยังมีเวลาเหลืออยู่มากพอให้เขาหายเข้ากลีบเมฆไป แฟรงค์ใช้วิธีนี้ในแต่ละที่ไม่ซ้ำกันและไม่เคยถูกจับได้แม้แต่ครั้งเดียว
ใน ไม่ช้า จำนวนอันมหาศาลของเช็คปลอมก็ทำให้ FBI เริ่มเคลื่อนไหว โจเซฟ เชียซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบคดีกล่าวว่ากองสืบสวนในตอนนั้นถึงกับมืดแปดด้านกับ คนร้ายที่ไม่เป็นรูปร่างราวกับเงาในน้ำ ด้านแฟรงค์ เมื่อเขาทราบข่าว FBI จากเพื่อนนักบินก็ตัดสินใจว่าถึงเวลารามือและหอบเงินก้อนใหญ่หนีไปยัง รีสอร์ทในรัฐจอร์เจีย เขาเช่าห้องโดยอ้างว่าตัวเองเป็นหมอรักษาเด็ก คำโกหกโดยไม่คิดนี้เองที่นำคลื่นลูกใหม่มาสู่ชีวิตเขา
ไม่กี่วันให้หลัง นายแพทย์ของโรงพยาบาลประจำเมืองมาหาเขาและอธิบายว่ากุมารแพทย์ของโรงพยาบาล เพิ่งจะลาออกไป และกฏหมายก็บังคับให้ทุกโรงพยาบาลต้องมีกุมารแพทย์ประจำอยู่อย่างน้อยหนึ่ง คน ทางโรงพยาบาลจึงอยากจะขอร้องให้แฟรงค์มารับหน้าที่แทน แฟรงค์พยายามปฏิเสธโดยอ้างว่าเขามาที่นี่เพื่อพักร้อน แต่ก็ถูกเกลี้ยกล่อมโดยขอร้องให้เข้าประจำโรงพยาบาลสักหนึ่งอาทิตย์ก็ยังดี ผลสุดท้าย แฟรงค์ก็จำใจปลอมใบอนุญาติแพทย์และเข้าประจำในโรงพยาบาลในที่สุด แน่นอนว่าเนื่องจากเจ้าตัวไม่มีความรู้เกี่ยวกับแพทย์ใดๆเลย จึงไม่สามารถรักษาโรคได้จริง แฟรงค์อาศัยเวลาเข้าเวรดึกอ่านหนังสือแพทย์อย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งก็ทำให้ทุกคนมองว่าเขาเป็นคนขยันหาความรู้ส่วนตัว และแม้ว่าแฟรงค์จะโยนงานตรวจคนไข้ให้หมอคนอื่น ทุกคนก็เห็นเพียงว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหมอหนุ่ม เรียกได้ว่าดวงช่วยไว้จริงๆ
จะอย่างไรก็ดี หลังจากอยู่ในโรงพยาบาลได้ปีหนึ่ง แฟรงค์ก็รู้สึกว่ามันมาถึงสุดขอบเขตแล้ว เขาจึงหายตัวไปจากโรงพยาบาล แล้วไปหาไดแอนซึ่งเป็นหนึ่งในคนรักของเขาซึ่งอยู่ที่หลุยเซียน่า
แฟรงค์ ใช้ชื่อปลอมว่าโรเบิร์ต และโกหกไดแอนว่าเขาอยากจะเลิกจากงานแพทย์มาเป็นทนาย แล้วเหยาะอีกหน่อยว่าตนเคยเรียนอยู่ในคณะกฏหมายของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ ดก่อนจะมาเป็นนักบิน และมีปริญญาโทในด้านกฏหมายอยู่ด้วย
ไดแอนเชื่อเขา โดยไม่สงสัยแม้แต่น้อย และแนะนำให้แฟรงค์รู้จักกับเจย์สัน วิลคอกซ์ซึ่งเป็นทนายประจำรัฐ เจย์สันกำลังหาทนายมาประจำสำนักงานเพิ่ม และยินดีต้อนรับแฟรงค์ (โรเบิร์ต) ขอเพียงเขามีใบอนุญาติทนาย ทั้งยังกล่าวว่าถ้าเป็นนักเรียนฮาร์เวิร์ดต้องสอบได้แน่นอน
แฟรงค์จึง เกิดความจำเป็นต้องสอบใบอนุญาติเข้าจนได้ โชคช่วยที่การสอบที่ว่านี้ ขอเพียงมีปริญญาบัตรด้านกฏหมาย ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าสอบได้ทั้งนั้น แฟรงค์จึงติดต่อขอใบสมัครจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดและอาศัยเอกสารนั้นทำ ปริญญาบัตรปลอมขึ้นมาทันที
หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเป็นเวลา 2 เดือนเต็มๆ แฟรงค์ก็สอบผ่านและเข้าทำงานเป็นทนายอยู่ถึง 1 ปี จนเมื่อเพื่อนร่วมงานซึ่งจบจากฮาร์เวิร์ด(จริงๆ)เกิดความกังขาในตัวเขา แฟรงค์จึงจำต้องจากหลุยเซียน่าไปอีกครั้ง
เขาปลอมตัวเป็นอาจารย์วิชา สังคมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยในรัฐยูท่าห์อยู่พักหนึ่ง แต่เนื่องจากเงินเดือนอาจารย์ไม่พอใช้จึงกลับมาทำอาชีพนักบินกำมะลออีกครั้ง เมื่อ FBI พบว่านักต้มตุ๋นที่หายไปนานคนนี้กลับมา ก็ได้ทำการแจ้งไปยังสายการบินต่างๆในทันที
ปี 1969 แอร์โฮสเตสสายการบินแอร์ฟรานซ์จำหน้าเขาได้จากหมายประกาศจับ ตำรวจฝรั่งเศสจึงรวบตัวเขาไว้ได้ 26 ประเทศที่เขาโปรยเช็คเสียไว้ต่างก็ต้องการให้ส่งตัวแฟรงค์มาขึ้นศาล แฟรงค์ใช้เวลา 6 เดือนอยู่ใน Perpignan's House of Arrest และเกือบจะตายอยู่ที่นั่น
หลังจากนั้นเขาถูกส่งไปสวีเดนและถูกจำคุก 1 ปี ภายหลังศาลส่งตัวเขากลับอเมริกาตามพาสปอร์ตซึ่งเขาถูกลงโทษจำคุกเป็นเวลา 12 ปี
ปี 1974 รัฐบาลปล่อยตัวเขาออกมาโดยมีเงื่อนไขว่าเขาต้องให้คำปรึกษาช่วยเหลือแก่ องค์กรตางๆเรื่องเช็คปลอมและอื่นๆโดนไม่มีค่าจ้าง แฟรงค์ลองทำงานหลายอย่างแต่ไม่มีงานไหนที่เขาชอบ เขาจึงไปยังธนาคาร เล่าถึงกลโกงที่เขาทำไว้และเสนอตัวเป็นที่ปรึกษาในการปกป้องความเสียหายที่ เกิดขึ้นจากกลโกงต่างๆ ธนาคารให้ความสนใจ และนี่ก็เป้นจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ของแฟรงค์ในฐานะ Consultant
ปัจจุบัน แฟรงค์เปิดสำนักงาน Abagnale & Associates ให้คำปรึกษาในด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับเช็ค และเป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านเหมือนอย่างเขาเคยฝันไว้
ข้อมูลจาก
http://ohx3.exteen.com/20061220/frank-abagnale-jr
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น